วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กล้วยหอม ลดน้ำหนักได้




บทความนี้ซิลเวียอ่านมาจาก...หนังสือพิมพ์ Bangkokbusinesenews ฉบับวันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552
สรุปใจความได้ดังนี้
การรับประทานกล้วยหอมมื้อเช้าเป็นที่นิยมในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก ปัจจุบันมีการก่อตั้งชุมชนออนไลน์ (Social Networking Service) สำหรับคนกินกล้วยเป็นอาหารมื้อเช้า(Mixi) เพื่อให้ข้อมูลความสำคัญของอาหารมื้อเช้าและการปฏิบัติตนเพื่อลดความอ้วนโดยใช้กล้วยเป็นอาหารทดแทนอาหารหลัก และพบว่าภายในเวลาสองปีครึ่งที่ผ่านมา สมาชิกชุมชนประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักถึง 300 คน

โดยชุมชนออนไลน์นี้มีผู้นำชื่อ "ฮามาจิ"
สูตรไดเอ็ทของเขาคือ กล้วยหอมกี่ลูกก็ได้ตามใจอยาก + น้ำเปล่า

ฮามาจิ พบว่าการลดน้ำหนักสัมพันธ์กับระบบย่อยอาหารในร่างกายของคนเราคือ

1. การกินผลไม้อย่างเดียว ทำให้กระเพาะได้พักผ่อน ช่วยฟื้นฟูสภาพการทำงานของกระเพาะ ลำไส้ และอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
2. หลังจากรับประทานผลไม้ไป 15-20 นาที ผลไม้จะเคลื่อนที่ไปสู่ลำไส้ และเริ่มถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ขณะที่ผักคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน จะใช้เวลาในการย่อยนานกว่า 3-4 ชั่วโมง
3. ส่วน “น้ำ” ที่ดื่มเข้าไป จะช่วยทำให้การหมุนเวียนของเลือด และของเหลวในร่างกายดีขึ้น ส่งผลดีต่อการขับของเสียออกจากร่างกาย

วิธีปฏิบัติ

1. เริ่มจากกินกล้วยหอมอย่างเดียวในมื้อเช้า(ควรทานก่อน 9 โมงเช้า) จะกี่ลูกก็ได้ตามต้องการ เคี้ยวให้ละเอียด
2. หลังจากกินเสร็จแล้วยังหิวอยู่ ให้เว้นระยะเวลา 15-30 นาที จึงรับประทานอย่างอื่น เช่น ข้าว
3. ถ้าวันไหนเบื่อกล้วย หรือไม่ชอบกล้วยหอมจริงๆ จะเปลี่ยนเป็นผลไม้ชนิดอื่นก็ได้ แต่ขอให้เป็นผลไม้ชนิดเดียวเท่านั้น เพื่อแบ่งเบาภาระของกระเพาะของเราไม่ให้เหนื่อยเกินไปที่จะผลิตน้ำย่อยกรดด่างต่างกัน
4. การดื่มเฉพาะน้ำเปล่า ณ อุณหภูมิห้องแต่ที่ดีควรเป็นน้ำอุ่น และดื่มบ่อยๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องปริมาณ

***จากนั้นในมื้อเที่ยงและมื้อเย็นก็สามารถทานอะไรได้ตามปกติครับ แต่มีข้อแม้ว่าต้องทานอาหารมื้อสุดท้ายก่อน 2 ทุ่ม เทคนิคก็มีง่ายๆ เท่านี้*****

สารอาหารที่ได้จากกล้วยได้แก่

1. วิตามินบี1 และบี 2 เร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน ป้องกันตัวบวม และฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้า
2. เกลือแร่ เช่น โปรแตสเซียม ช่วยในการขับโซเดียมออกทางปัสสาวะ และแมกนีเซียม ช่วยควบคุมความดันเลือด และการทำงานของแคลเซียม
3. มีเส้นใย (fiber) บรรเทาอาการท้องผูกได้ดี
4. กล้วยยังมีฤทธิ์ในการขับพิษสูง เพราะแป้งในกล้วยดิบจะช่วยดีท็อกซ์ ส่วนกล้วยสุกช่วยเสริมภูมิต้านทานป้องกันหวัดได้ดี
5. สารโพลีฟินอล มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ทำหน้าที่ชะลอความแก่
6. สารยูจินอล ซึ่งเป็นไฟโตเคมีคัล ที่ช่วยเร่งการพัฒนาสภาพร่างกาย
7. เซโรโทนิน ช่วยลดอาการหงุดหงิด และทำให้ความอยากอาหารลดลง
8. ในเนื้อกล้วยเองมีเอ็นไซม์ช่วยย่อย ก็จะทำให้การย่อยเป็นไปอย่างราบรื่น
9. น้ำตาลในกล้วย ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มีสมาธิกับการทำงานมากขึ้น และส่งผลให้ความถี่และปริมาณการบริโภคน้ำตาลในระหว่างวันลดลงไปโดยปริยาย
10. มีผลวิจัยว่ากล้วยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ NK ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่จัดการมะเร็งได้ด้วย